ฝ้าเกิดจากปัจจัยได้บ้าง
- ฝ้าฮอร์โมน เมื่อมีสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจนผิดปกติ จึงมีการกระตุ้นสร้างเม็ดสีที่มากขึ้น ทำให้เกิดฝ้าขึ้นหรือกระตุ้นให้เข้มกว่าเดิม
- ฝ้าแดด การได้รับแสง UVA และ UVB โดยตรงหรือบ่อยครั้ง ทำให้เซลล์เม็ดสีในผิวหนังได้รับการกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น
- ฝ้าจากเครื่องสำอาง อาจมีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ผิว อาทิ สารกันบูด หรือสารปรอท ตะกั่ว รวมถึงส่วนผสมของน้ำหอมที่ปะปนอยู่ในเครื่องสำอาง
- ฝ้าเข้มจากเลเซอร์ การทำเลเซอร์อาจทำให้ผิดไวต่อแสง และเป็นฝ้าได้ง่ายขึ้น จึงควรป้องกันอย่างถูกวิธี และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- ฝ้าจากความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ จะเข้าไปสมดุลฮอร์โมนทำงานผิดปกติ ซึ่งจะเห็นว่าผิวหน้าดูดำคล้ำขึ้น
รู้จักประเภทของฝ้า มี 2 แบบ คือ
ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับ ผิวหนังชั้นนอก
มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล อาจมีการกระจายเป็นวงกว้างบนใบหน้า เกิดขึ้นได้ง่าย
ฝ้าแบบลึก จะอยู่ในระดับที่ลึก ผิวหนังชั้นใน
มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอมฟ้า หรือสีน้ำตาลอมม่วง เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก ใช้เวลานาน
ขั้นตอนการรักษาฝ้า มีทั้งหมด 4 วิธี *แนะนำควรจะต้องรักษา 2 ใน 4 วิธีอย่างต่อเนื่อง จึงจะเกิดผลที่ดีที่สุด*
- การทายารักษา ตัวยาที่แพทย์แนะนำส่วนใหญ่ ได้แก่ ไฮโดรควิโนน, กรดอาซีลาอิก, กรดโคจิก, อนุพันธุ์ของวิตามิน เอ เป็นต้น เป็นการปรับกระบวนการทำงานของการผลิตเม็ดสีเมลานิน ช่วยแลดูฝ้าจาง ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาพอสมควร
- การใช้เลเซอร์ โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นแสงเลเซอร์ในการทำลายเม็ดสีที่เรียงตัวกันอย่างหนาแน่นเป็นกระจุก เกิดการแตกตัวจนกลายเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็ก และถูกกำจัดออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ
- การรักษาโดยการฉีด โดยตัวยาที่จะฉีดเข้าไปจะช่วยในการยับยั้งเม็ดสีใหม่ ทำลายเม็ดสีที่เข้มกว่าปกติ
- การรักษาโดยการกินยา ยาที่ใช้รักษาฝ้าชนิด กิน ที่สามารถลดการสร้างเม็ดสีได้โดยตรง แนะนำให้ใช้เฉพาะในกรณีที่เป็นฝ้าลึก และบริเวณกว้าง ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน